เครื่องทำน้ำเย็น หรือ Water Chiller เป็นเครื่องจักรอย่างหนึ่งที่นำมาใช้ในการผลิตน้ำเย็น ซึ่งมีทั้งระบบที่ใช้งานทั่วไป และเครื่องทำน้ำเย็นอุตสาหกรรมที่นำมาใช้กับงานอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ โดยหลักการทำงานของมันก็คือ เมื่อป้อนพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) มอเตอร์ก็จะส่งผ่านกำลังไปยังเครื่องอัดสารทำความเย็น (Compressor) ซึ่งเครื่องอัดสารนี้จะอัดสารทำความเย็น (Refrigerant)เข้าไปใช้ในการแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ำที่ส่งผ่านเข้ามาโดยปั๊มน้ำจากภายนอก ทำให้น้ำลดอุณหภูมิลง และเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นโดยเครื่องทำความเย็น ซึ่งภายในเครื่องทำความเย็นจะก็มีอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการกลั่นสารทำความเย็น ลดความดัน และช่วยในการระเหย ซึ่งจะใช้ในขั้นตอนที่มีการแลกเปลี่ยนความร้อนดังกล่าวข้างต้น เครื่องทำน้ำเย็นมีการนำมาใช้ทั่วไปทั้งสำหรับอาคารใหญ่ๆ ที่ต้องใช้ในการปรับอากาศ เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งต้องนำมาใช้ในการระบายความร้อนของเครื่องจักรต่างๆที่ต้องใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งจะแสดงรายละเอียดในหัวข้อต่อๆไป
เครื่องทำน้ำเย็นอุตสาหกรรม มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทหลักๆ คือ Water Cooled Chiller ซึ่งเป็นเครื่องทำน้ำเย็นชนิดระบายความร้อนด้วยน้ำ และ Air Cooled Chiller หรือเครื่องทำน้ำเย็นชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปมีขนาดมาตรฐานะอยู่ที่ประมาณ 1.5-20 ตัน ขึ้นอยู่กับประเภทของอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เครื่องทำน้ำเย็นช่วยในกระบวนการผลิต มีทั้งระบบเปิดและระบบปิด สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ที่ 5-30 องศาเซลเซียส การนำไปใช้งาน ส่วนใหญ่จะใช้งานกับอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติก เช่น ใช้ในการหล่อเย็นโมลพลาสติก ( Injection Molding) งานรัดพลาสติก (Estrusion) งานเป่าพลาสติก (Blown Molding) ตลอดจนงานเป่ายาง อลูมิเนียม และทองแดงด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำไปใช้ในงานระบายความร้อนน้ำมันไฮโดรคลอริก น้ำมันชุบแข็ง ซึ่งมักใช้การระบายความร้อนแบบ Water Cooled Chiller มากกว่า Air Cooled Chiller และการใช้กับการระบายความร้อนเครื่องอาร์ค-สป็อต เครื่อง Induction Heat Type Pipe หลอดผลิตโอโซน เป็นต้น ซึ่งการนำระบบเครื่องทำน้ำเย็นนี้ไปใช้ จะช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องจักต่างๆ และช่วยเพิ่มผลผลิตในการทำงาน ลดการเกิดของเสีย ตลอดจนช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตด้วย
อุปกรณ์หลักๆ ที่เป็นส่วนประกอบของระบบเครื่องทำน้ำเย็นได้แก่ เครื่องอัดสารทำความเย็น (Compressor) ทำหน้าที่ในการดูดสารทำความเย็นซึ่งมีความดันต่ำจากอุปกรณ์ Evaporator แล้วอัดให้ความดันสูงขึ้น เพื่อทำให้ไอของสารทำความเย็นสามารถส่งผ่านภายในระบบและหมุนเวียนควบแน่นกลับคืนเป็นของเหลวได้โดยวิธีการระบาย ต่อมาคืออุปกรณ์กลั่นทำความเย็น (Condenser) เป็นอุปกรณ์แปลกเปลี่ยนความร้อนที่จะทำหน้าที่ระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น ซึ่งสารดังกล่าวจะดูดซับความร้อนมาจากอุปกรณ์ Evaporator และเครื่องวัดไอ ถัดมาคืออุปกรณ์วัดความดัน (Expansion Device) ทำหน้าที่ช่วยลดความดันของสารทำความเย็นเพื่อให้มีอุณหภูมิต่ำลง และควบคุมปริมาณการไหลของสารทำความเย็นที่ส่งให้กับอุปกรณ์ระเหย เพื่อรักษาระดับความเย็น อุปกรณ์ระเหย (Evaporator) ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนโดยการดึงความร้อนจากน้ำและสารเคมีที่มีการแลกเปลี่ยนความร้อนกับสารทำความเย็นอุณหภูมิต่ำที่รับมาจากอุปกรณ์ลดความดัน และทำให้สารทำความเย็นเกิดการเดือดจนระเหยเป็นไอและถูกดูดกลับโดยเครื่องอัดสารทำความเย็น และสุดท้ายคือสารทำความเย็น (Refrigerant) มีหน้าที่ดูดซับและคายความร้อนออกจากระบบทำความเย็น
ในการใช้เครื่องทำน้ำเย็น หรือตู้น้ำเย็นสำหรับการบริโภคภายในครัวเรือนหรือตามสถานประกอบการต่างๆ มีข้อควรระวังเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการเชื่อมต่อท่อจ่ายน้ำดื่มกับถังน้ำดื่ม เพราะบางครั้งจะมีการบัดกรีขอบภายในของเครื่องทำน้ำเย็น การเชื่อมต่อตัวถังกับท่อ การขึ้นรูปเครื่องทำน้ำเย็นส่วนที่เก็บน้ำ หรือการเชื่อมลูกลายกับก้านส่วนที่สัมผัสกับน้ำดื่มด้วยตะกั่ว ซึ่งการใช้สารตะกั่วในการบัดกรีส่วนต่างๆเหล่านี้ก็ทำให้มีโอกาสที่สารตะกั่วจะหลุดเข้ามาปนเปื้อนกับน้ำดื่ม ซึ่งผู้ประกอบการมักจะนิยมใช้วิธีนี้เพราะมีต้นทุนถูกกว่าการใช้วัสดุสแตนเลสอย่างหนา และเคลือบด้วยวัสดุเคลือบที่มีคุณภาพตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด ซึ่งสารตะกั่วเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะส่งผลให้อวัยวะภายในของเราได้รับอันตราย ไม่ว่าจะเป็น ตับ ไต หัวใจ สมอง กระเพาะอาหาร หรือไขกระดูก และเป็นสารที่มีการสะสมอยู่ในร่างกาย และออกฤทธิ์กับระบบประสาทต่างๆ ทำลายเซลล์สมอง อาจทำให้เกิดโรคอัมพาต โรคอิไตอิไต และส่งผลให้เกิดความแปรปรวนทางอารมณ์ อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ โลหิตจาง ปวดกล้ามเนื้อ ถ้าได้รับเข้าสู่ร่างกายอยางต่อเนื่องอาจทำให้ความจำเสื่อม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ตกเลือดและเสียชีวิตได้
เครื่องทำน้ำเย็นเป็นอุปกรณ์ที่ควรทำการดูแลรักษาและทำความสะอาดทุกเดือน โดยเฉพาะเครื่องทำน้ำเย็นประเภทที่ใช้เพื่อการบริโภค ในการทำความสะอาด ควรถอดปลั๊กทิ้งไว้ 30 นาที เพื่อปรับให้อุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง แล้วจึงปล่อยน้ำออกให้หมดตู้ แล้วจึงใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบเจือจางพร้อมฟองน้ำขัดทำความสะอาดภายในถึงบรรจุ แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาด ด้านนอกของเครื่องทำแม้เย็น แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นสแตนเลสที่มีการใช้ฟิล์มบางๆที่ทำจากโครเมี่ยมออกไซด์เคลือบไว้ แต่ถ้าโดนลมหรือสิ่งสกปรกเกาะเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้เป็นสนิมได้เช่นกัน ถ้าเกิดสนิมขึ้นให้ใช้สก๊อตไบรท์ขัดตามแนวขัดเดิม อย่าขัดสวนทางกัน มิฉะนั้นอาจจะเกิดรอยได้ หลังจากนั้นจึงเช็ดทำความสะอาดให้แห้ง ข้อควรระวังในการทำความสะอาดเครื่องทำน้ำเย็นคือ อย่าใช้ผ้าเปื้อนน้ำมันหรือจารบีมาเช็ดเด็ดขาด และควรหลีกเลี่ยงการใช้สารทำความสะอาดที่เป็นตัวละลายซึ่งมีสารคลอไรด์เป็นองค์ประกอบ มิฉะนั้นอาจไปทำลายพื้นผิวของเครื่องทำน้ำเย็นได้ ในการทำความสะอาดก็ควรใส่ถุงมือทุกครั้ง เพื่อป้องกันคราบหรือรอยนิ้วมือของเราเปื้อนพื้นผิว ซึ่งอาจจะเป็นคราบเกาะและไปกัดกร่อนเครื่องทำน้ำเย็นให้เป็นสนิมได้
|
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. ArchivesCategories |